Friday, 24 March 2023

BTS ส่งซิก! ครึ่งปีหลังฟื้น ยอดผู้โดยสารบีที่ เอสพุ่ง 8 แสนเที่ยวคน/วัน

BTS เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจ ช่วงตุลาคม65-มี.ค.66 ดียิ่งขึ้นเพราะเหตุว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส
เพิ่มขึ้นมาโดยตลอดถึง 800,000 เที่ยวคน/วัน ขณะเดียวกันปี 66 จะมีการเปิดให้บริการ
รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง นายสุรยุทธ ทวีกวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีที่เอส กรุ๊ป โฮถดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เผยออกมาว่า
แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในงวดครึ่งปีหลัง (ตุลาคม 65-มี…66) ยังมองเห็นแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ Move
ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เพราะเหตุว่า จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด

และกลับมาแล้ว 90% ใกล้กับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

ในระดับ 90% ซึ่งจะมองเห็นได้จากตั้งแต่ช่วงเทศกาลประเพณีลอยกระทงเป็นต้นมา จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส เพิ่มมาเป็น 800,000 เที่ยวคน/วัน จากช่วง
ก่อนหน้าอยู่ที่เฉลี่ย 700,000 เที่ยวคน/วัน เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ระดับ 1 ล้านเที่ยวคน/วัน ภายหลังจากผู้คนกลับมาเดินทาง
และปฏิบัติงานตามธรรมดาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นมาตลอด

สำหรับสิ่งสำคัญที่บริษัทฯ คิดว่าจะมีผลให้จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส กลับไปที่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ได้นั้นต้อง
คาดหวังให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา ซึ่งนับว่าเป็นกหน็งปัจจัยที่มีนัยสำคัญ แยังไม่สามารถประเมินได้ว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะกลับมา
ได้เมื่อใด เพราขึ้นอยู่กับทางการจีน ในตอนที่ในส่วนของรายได้บีทีเอส ในปีนี้อจจะมีการลดลงบ้าง
เพราะเหตุว่าค่าจ้างสำหรับในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองที่เป็นช่วงๆท้ายของการก่อสร้าง ทำให้รายได่ในส่วนนี้ลดลง

BTSฟ้องกรุงเทพมหานครทวงค่าจ้างเดินรถอีกครั้งหลังจากยอดพุ่ง 1.1 หมื่นลบ.แถมรอคอยคิวอีกคดี 2 หมื่นลบ.

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เผยออกมาว่า
บริษัทเตรียมยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด อีกรอบเร็ว ๆ นี้
เพื่อเรียกร้องให้จ่ายค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังจากที่บริษัทยังไม่ได้รับชำระจากกรุงเทพมหานคร ทำให้จำนวนเงินที่ติดค้างรวมดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วที่ได้ยื่นฟ้องไปในมูลค่ารวมราว 1.7 หมื่นล้านบาท

BTS ส่งซิก

ด้านศูนย์ข่าว บีทีเอส เปิดเผยว่า

เมื่อวานวันที่ (22 เดือนพฤศจิกายน65) บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ที่กรุงเทพมหานครติดค้างตามสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว
อีกทั้งส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า และ ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม64- 22 เดือนพฤศจิกายน65) ซึ่งเป็นการฟ้องเสริมเติมจากคดีก่อนหน้าโดยส่วนต่อขยายที่ 1 มีวงเงิน 2,895 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย)
และ ส่วนต่อขยายที่ 2 มีวงเงิน 8,173.5 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) ทำให้มีวงเงินเพิ่มขึ้นอีก 11,068.5 ล้านบาท

นอกจากนั้น BTSC เตรียมฟ้องกรุงเทพมหานครเพิ่มในส่วนงานติดตั้งระบบไฟฟ้า
และเครื่องกล วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้จำนวนยังไม่นิ่ง เนื่องจาก
มีงานเสริมเติมเข้ามา แต่คาดว่าจะยื่นฟ้องได้ในเร็ว ๆ นี้

ส่วนคดีที่ศาลปกครองกลางให้กรุงเทพมหานครและ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ด้วยกันจ่ายค่าจ้างเดินรถและค่าซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 รวมมูลค่า 11,754 ล้านบาท(รวมดอกเบี้ย)
โดยให้จ่ายภายในระยะเวลา 180 วัน แต่ทางกรุงเทพมหานครได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว ก็ต้องรอคอยศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดี

นายสุรยุทธ์ กล่าวว่า แต่ หลักสำคัญข้อพิพาทกับทางกรุงเทพมหานครนั้น
บริษัทคิดว่าไม่มีผลเสียต่อการขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งใหม่ของบริษัท
เพราะเหตุว่าหลักสำคัญดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วทางบริษัทได้ดำเนินงานต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ไม่ได้ทำผิดข้อตกลงและกฎเกณฑ์ที่ระบุ
และยังมั่นใจว่านักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้นกู้หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของ บีทีเอส ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทสำหรับในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ตามแผนกลยุทธ์ของธุรกิจอีกทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ Move Mix และ Match

สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่จะบริษัทจะเสนอขายในคราวนี้ เป็นมิติใหม่สำหรับการลงทุน
ซึ่งทุกคนที่เข้าลงทุนจะมีส่วนร่วมสำหรับในการสร้างความยั่งยืนไปพร้อม ๆ กับบริษัท ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ และความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้
และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบกลับที่ดีจากนักลงทุน

ยอดผู้โดยสารบีที่ เอสพุ่ง 8 แสน

หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของ BTS ที่ทำการเสนอขายในคราวนี้

แบ่งได้ 4 รุ่น วงเงินเสนอขายรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ระบุจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะเสนอขายระหว่างวันที่ 25 และ 28-29 เดือนพฤศจิกายน 65 ผ่าน ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT)

หุ้นกู้ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้รับการจัดอันดับ
ความน่าไว้วางใจที่ระดับ A จากทริสเรทติ้ง และระบุมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

สำหรับการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในคราวนี้บริษัทจะมีการจัดสรรไปใช้เพื่อสำหรับการเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท นำไปใช้คืนหนี้สถาบันการเงิน และการลงทุนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน อีกทั้งการปรับแก้ระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งจะเอาไปใช้ในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู
ซึ่งมีระบุเปิดให้บริการภายในปี 66 และนำไปลงทุนในโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืน และดูแลสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ

“การออกหุ้นกู้ SLB ของบริษัทครั้งนี้สอดรับกับกลยุทธ์ระยะยาวด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ของ บีทีเอส โดยการคงสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอน และกำหนดให้เพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างน้อย 10% ของการดำเนินงาน และบริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการจองซื้อหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่ยืนของ BTS ในครั้งนี้ เพราะตอนนี้จากการแสดงความสนใจเข้ามาถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และหากได้รับการตอบรับที่ดีมาก บริษัทอาจจะมีการออกหุ้นกู้ในรูปแบบนี้อีกในช่วงปี 66 รวมถึงการหาโซลูชั่นในการให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงหุ้นกู้ส่งสริมความยั่งยืนของ BTS ผ่านการจองซื้อบนดิจิทัลด้วยเช่นกัน” นายสุรยุทธ กล่าว